สุดยอดเรื่องน่ารู้ "พีระมิด" สถาปัตยกรรมระดับตำนาน

ในขณะที่ยุคนี้มีแต่ผลจัดอันดับตึกสวยที่สุดในโลก ตึกสูงที่สุดในโลก และอีกสารพัดจัดอันดับที่แสดงถึงความทันสมัยของตึกใหม่ๆ... ลองมองย้อนกลับไปในอดีตที่เทคโนโลยียังไม่ล้ำหน้าขนาดนี้ ก็มีสถาปัตยกรรมหลายอย่างที่ควรค่าแก่การจดจำมากๆ แถมยังมีประวัติความเป็นมาและความสำคัญที่โลกอีกด้วย
        หลายคนนึกถึงกำแพงเมืองจีนเป็นอันดับแรกใช่มั้ยเอ่ย แต่วันนี้พี่มิ้นท์จะพาไปทำความรู้จัก "พีระมิด" แทนค่ะ เพราะพีระมิดไม่ใช่แค่สิ่งปลูกสร้างสามเหลี่ยมธรรมดาๆ แต่มีที่มาและเรื่องน่ารู้แฝงอยู่อีกมากมายเลย
 

 

         พีระมิด คือ สิ่งก่อสร้างที่มีรูปร่างเป็นฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส และแต่ละด้านจะเป็นหน้าสามเหลี่ยมประกอบกันสี่ด้าน ด้านข้างของพีระมิดบางที่จะราบเรียบพื้นผิวเสมอกัน แต่บางแห่งก็จะมีลักษณะเป็นขั้นบันได เป็นอารยธรรมยุคโบราณที่สำคัญมากๆ ต่อประวัติศาสตร์โลก
         หน้าที่ของพีระมิด คือ เป็นสุสานของฟาโรห์ที่สิ้นพระชนม์ เพราะคนอียิปต์มีความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย ดังนั้นเมื่อฟาโรห์ผู้เป็นกษัตริย์และเทพ(ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ) สิ้นพระชนม์ ก็จะทำมัมมี่และไปเก็บไว้ที่พีระมิด เพื่อให้วิญญาณของฟาโรห์กลับมาอีกครั้งได้นั่นเอง เอาล่ะ ทำความรู้จักพีระมิดกันพอสมควรแล้ว มาเสริมความรู้กับเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพีระมิดกันต่อเลยค่ะ

           - คนอียิปต์เรียกพีระมิดว่า "เมอร์" หลายๆ ที่เรียก "เมอรู" ดังนั้นถ้าเผลอไปเรียก "พีระมิด" ให้คนอียิปต์ฟัง มีงงแน่นอน (งงทั้งเราและเค้าเลยล่ะ)

          - แต่ก่อน การฝังศพคนสำคัญของอียิปต์ไม่ได้อยู่ในพีระมิดตั้งแต่แรก เดิมทีจะฝังอยู่ในหลุมศพแล้วมีเนินทรายคลุมธรรมดา ต่อมาเมื่อ 3100 ปีก่อนคริสตกาลได้เปลี่ยนแปลงวิธีฝังศพ โดยฝังลงใต้ดินที่เจาะลงไปในชั้นหิน และสร้างแท่น "มาสตาบา" ซึ่งเป็นแท่นอิฐมาปิดหลุมศพไว้ แล้วก็เอาแท่นที่เล็กกว่าวางซ้อนไปเรื่อยๆ จนเป็นขั้นบันได เลยเป็นที่มาของพีระมิดขั้นบันได โดยฟาโรห์องค์แรกที่สร้างขึ้นก็คือ ฟาโรห์โจเซอร์
 

          - พีระมิดแห่งที่สอง เป็นของฟาโรห์สเนฟรู สร้างไว้ที่เมืองดาห์ชูร์ เป็นพีระมิดรูปร่างแปลกประหลาด ยอดเบี่ยงออก เพราะเกิดความผิดพลาดตอนสร้าง ทำด้านข้างชันเกินไปจึงต้องเปลี่ยนมุมเอียง ต่อมาพระองค์จึงวางแผนสร้างพีระมิดขึ้นใหม่ คราวนี้ทุกอย่างเป๊ะ มีชื่อเรียกว่า พีระมิดแดง เนื่องจากหินปูนที่ใช้สร้างเป็นสีแดง ความสมบูรณ์แบบทำให้นี่ถือเป็นพีระมิดแท้แห่งแรกเลยทีเดียว และที่สำคัญพระศพของฟาโรห์สเนฟรูฝังอยู่ในพีระมิดแห่งนี้ด้วย
 

พีระมิดแดงแห่งฟาโรห์สเนฟรู

         - พีระมิดที่โด่งดังที่สุดในโลก คือ พีระมิดแห่งกีซา ซึ่งจะมีพีระมิดขนาดใหญ่สามแห่งซึ่งเป็นสุสานของกษัตริย์ ส่วนพีระมิดขนาดเล็กอีกสามแห่งจะเป็นของเชื้อพระวงศ์องค์อื่นๆ โดยพีระมิดสำหรับกษัตริย์ 3 องค์ ได้แก่ พีระมิดของฟาโรห์คูฟู (โอรสของสเนฟรู), พีระมิดแห่งที่สอง คือ พีระมิดของคาเฟร (โอรสของคูฟู) และแห่งที่สาม พีระมิดของเมนเคอเร (โอรสของคาเฟร)
 

พิระมิดแห่งกิซา

         - พีระมิดที่ถือว่าเป็นมหาพีระมิด เป็นของฟาโรห์คูฟู มีอายุประมาณ 4,500 ปี ใครจะเชื่อว่าในพีระมิดมีทางเดิน มีห้องโถง ห้องกษัตริย์ ห้องราชินี โดยนับถึงยอดพีระมิดมีความสูงถึง 146 เมตรเลยทีเดียว และนับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกด้วย
 

ภายในของพีระมิด

         - มหาพีระมิดใช้คนสร้างกว่า 25,000 คน ใช้เวลาสร้างนานกว่า 20 ปี คนงานต้องทำงานวันละ 10 ชั่วโมง โดยต้องวางเรียงหินทั้งหมด 2.3 ล้านก้อน และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณที่ยังหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน

        - เค้าว่ากันว่าที่พีระมิดสร้างขึ้นมาเป็นยอดแหลม ซึ่งชี้ไปที่ดวงดาวต่างๆ นั้นก็เพราะว่าชาวอียิปต์เชื่อว่า ดวงวิญญาณของฟาโรห์จะใช้ยอดนี้เป็นเส้นทางเชื่อมเสด็จระหว่างโลกนี้กับโลกหน้า เพราะพีระมิดคือสิ่งเชื่อมโยงระหว่างฟาโรห์ที่สิ้นพระชนม์ไปแล้วกับอาณาจักรของพระองค์

        - ชาวอียิปต์จะสร้างพีระมิดบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ เพราะเชื่อมโยงทิศที่ตะวันลับขอบฟ้าเข้ากับความตาย โดยที่ตั้งพีระมิดจะตั้งอยู่ห่างจากฝั่งมากพอไม่ให้น้ำท่วมถึง แต่จะต้องขนส่งวัสดุได้สะดวก  ซึ่งแม่น้ำไนล์นี่แหละ ที่เป็นเส้นทางสายหลักของชาวอียิปต์

        - ที่พีระมิดแห่งคาเฟรจะมีรูปปั้นสิงโต หรือที่เรารู้จักกันว่า สฟิงซ์ รูปปั้นนี้จะมีลักษณะลำตัวเป็นสิงโตแต่หัวจะเป็นคน ซึ่งใบหน้าของสฟิงซ์อาจจะเป็นพระพักตร์ของฟาโรห์คาเฟรก็ได้ โดยสฟิงซ์จะแกะสลักจากภูเขาหินปูน
 

รูปปั้นสฟิงซ์ แกะสลักจากภูเขาหินปูน

       - ก่อนจะไปฝังในพีระมิดได้ ร่างของฟาโรห์ที่สิ้นพระชนม์จะต้องถูกทำเป็นมัมมี่ เพื่อไม่ให้เน่าเปื่อย โดยใช้เวลาทำมัมมี่ถึง 70 วันแน่ะ
 

       - ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอาชีพ "โจรปล้นสุสาน" ด้วย ซึ่งจะเข้าไปปล้นของในพีระมิดแม้กระทั่งของเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม แต่ในบางพีระมิด อย่างเช่น มหาพีระมิดของฟาโรห์คูฟู ได้ออกแบบให้มีแผ่นหินแกรนิตใหญ่ๆ ปิดกั้นเส้นทาง เพื่อป้องกันโจรปล้นสุสานด้วย

       - นอกจากอียิปต์แล้ว ยังมีพีระมิดของชนชาติอื่นๆ อีกด้วย เช่น พีระมิดของชาวมายา ซึ่งทำมาจากกองดินและเศษหินที่บดอัดเป็นรูปทรงพีระมิดและใช้หินกรุผนังด้านนอก ซึ่งความสำคัญของพีระมิดชาวมายาคือ เป็นทั้งวิหารของเทพเจ้าและสุสานของกษัติรย์ พีระมิดของเม็กซิโก มีที่เก่าแก่และมีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ที่เตโอตีอัวกาน

       - รูปทรงของพีระมิดเป็นแรงบันดาลใจให้สถาปนิกทั่วโลก จนมีพีระมิดยุคใหม่อีกมากมายหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น พีระมิดแห่งป่าดงดิบ ที่เมืองแกลเวสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการออกแบบเรือนกระจกสำหรับเพาะพันธุ์พืชและสัตว์ป่าที่มาจากป่าดงดิบ โดยออกแบบให้มีรูปทรงพีระมิดเพราะทำให้รับแสงได้มาก นอกจากนี้ก็ยังมีพีระมิดแห่งลูฟวร์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นทางเข้าแบบทันสมัยของพิพิธภัณฑ์ ตอนสร้างเสร็จแรกๆ โดนโจมตีอย่างหนักว่าไปทำลายตัวพิพิธภัณฑ์เพราะอาคารอื่นๆ ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่ทั้งหมด แต่เมื่อเวลาผ่านไป พีระมิดลูฟวร์กลายเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวต้องไปเยี่ยมชมให้ได้แทน :D

 

         เป็นยังไงบ้างคะน้องๆ อ่านแล้วทึ่งกันเลยใช่ไหมล่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าสถาปัตยกรรมยุคโบราณที่เกิดขึ้นสองพันกว่าปีก่อนคริสตกาลจะมีความฉลาดเฉลียวในเรื่องการออกแบบและการก่อสร้าง แม้ว่าขั้นตอนและวิธีการจะยุ่งยากลำบากกว่าสมัยนี้มากๆ ก็ตาม ไหนจะเรื่องการทำมัมมี่เพื่อให้ศพอยู่ได้โดยไม่เน่าเปื่อยอีก ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องยกนิ้วให้เลย อ่านจนจบบรรทัดนี้เชื่อว่าน้องๆ หลายคนคงอยากไปเห็นพีระมิดของจริงด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต แต่ติดที่ค่าตั๋วเครื่องบินแพงแสนแพง T^T