หมดที่พึ่ง! ยายวัย70 ร้องสื่อ ถูกป่าไม้อ้าง คสช.เข้ายึดที่4ไร่

 
 

ยายวัย 70 ชาวนครพนม โวยถูกป่าไม้ยึดที่ดินมรดกกว่า 4 ไร่ อ้าง คสช. จึงต้องออกมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม ทั้งที่รับมรดกจากพ่อแม่มากว่า 100 ปี วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเหลือ เดือดร้อนไร้ที่ทำกิน ด้าน ผอ.ป่าไม้ เร่งตรวจสอบยันไม่มีนโยบายทวงคืนที่ชาวบ้าน...เมื่อวันที่ 22 ส.ค. นางสวรรค์ บัวสาย อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 6 บ้านถาวร ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม พร้อมด้วย นายบดี บัวสาย อายุ 45 ปี บุตรชาย หอบเอกสารหลักฐานเกี่ยวข้อง เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมผ่านสื่อเพื่อเรียกร้องไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง ภายหลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าตรวจยึดพื้นที่ดินทำกิน จำนวน 4 ไร่ เมื่อประมาณปี 2557 ซึ่งได้รับมรดกตกทอดมาจาก พ่อ-แม่ เพื่อใช้ทำกิน ทำไร่ ทำสวน สร้างรายได้ เลี้ยงครอบครัวมานานเกือบ 100 ปี โดยเป็นที่ดินยังไม่มีเอกสารสิทธิ จึงได้เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อขอทวงคืน นางสวรรค์ กล่าวว่า สำหรับที่ดินผืนดังกล่าว ตนได้รับมรดกตกทอดมาจากพ่อแม่ ตั้งแต่เกิดมา ก็ใช้ทำกิน ทำไร่ทำนาแล้ว มีการปรับพื้นที่ ล้อมรั้วชัดเจน ถึงแม้ไม่มีเอกสารสิทธิ แต่มีหลักฐานการเสียภาษีท้องที่ ให้กับภาครัฐมาทุกปี จนกระทั่งจู่ๆ เมื่อปลายปี 2557 มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาแจ้งว่าจะขอทวงคืน เป็นพื้นที่ป่าในโครงการฟื้นฟูผืนป่า ตามนโยบาย คสช. แต่ตนได้ทักท้วงไปว่า เป็นที่ดินมรดก ทำไมต้องมาทวงคืน ทำกินมาเกือบ 100 ปีแล้ว ไม่ใช่นายทุน แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่สนใจ เข้ามาดำเนินการจัดโครงการปลูกป่า แต่ปัจจุบันกลับถูกปล่อยทิ้งรกร้าง ต้นไม้ที่ปลูกตายหมด และเป็นพื้นที่ตนคนเดียวในหมู่บ้านที่ถูกยึด พื้นที่ใกล้เคียงไม่มีเอกสารสิทธิกลับไม่โดน เคยเรียกร้องไปหลายครั้ง แต่ไม่มีหน่วยงานมาสนใจ จึงต้องออกมาเรียกร้องทวงคืน เพราะเป็นที่ดินผืนสุดท้ายที่จะใช้ทำกินเลี้ยงชีวิต ปกติเคยทำไร่ทำนาได้เงินปีละหลายหมื่นบาท แต่ปัจจุบันไม่สามารถเข้าไปทำกินได้ สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องเมตตา ขอคืนที่ทำกินก่อนตายนายวีระ มานิสสรณ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 นครพนม กล่าวว่า สำหรับนโยบายทวงคืนผืนป่า ตามนโยบายของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการดำเนินการในพื้นที่ จ.นครพนม ได้มีการตรวจสอบดำเนินการทวงคืน เพื่อทำการฟื้นฟูแล้วหลายจุด เป้าหมายหลักเป็นพื้นที่ป่าสวนยาง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีพื้นที่หลายแห่ง ที่นายทุนเข้าไปบุกรุก ดำเนินการปลูกทำสวนยาง และทำการทวงคืนมาแล้วส่วนหนึ่ง รอดำเนินการอีกจำนวนมาก แต่ยืนยันว่า ตามนโยบายเราจะเน้นในเรื่องของพื้นที่นายทุน ส่วนของชาวบ้าน เรายังไม่ดำเนินการจะต้องมีการตรวจสอบตามขั้นตอน และจะต้องไม่ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะที่ดินทำกิน ยังให้ชาวบ้านดำเนินการตามปกติ อย่างไรก็ตามจากปัญหาดังกล่าวจะได้มีการตรวจสอบดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป อาจมีการผิดพลาดในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ จะเข้าไปตรวจสอบช่วยเหลือเร่งด่วน.