วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

“โรนัลโด้ & เมสซี่” อีกครั้งที่สร้างความต่าง



ถือว่าปิดฉากสัปดาห์ที่สามของฟุตบอลลีกได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับสองทีมเต็งแชมป์ อย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ก่อนที่กลางสัปดาห์พวกเขาจะต้องไปเล่นรายการระดับทวีป

คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นการเหย้าเยือนกันของทั้งสี่ทีม ที่สลับกันเล่นระหว่างแคว้นเมืองหลวง กับ แคว้นคาตาลัน ซึ่งแต่ละเมืองก็แพ้ชนะกันคนละทีม

เริ่มกันที่ คาตาลัน ในช่วงหัวค่ำตามเวลาประเทศไทย ที่ เรอัล มาดริด ฐานะตัวแทนจากเมืองหลวงยกพลไปเมืองบาร์เซโลน่าฝั่งใต้ ที่กอร์เนญ่า เอล ปราต

เอสปันญ่อลเจ้าถิ่นว่ากันตามทรงแล้ว พวกเขาฟอร์มดีมาจากปีที่แล้ว แต่เสียพวก เซร์คิโอ การ์เซีย, กิโก้ คาซิญ่า และ ลูคัส เปเรซ โดยสองรายหลังเสียให้กับ เรอัล มาดริด นี่เอง

เกมนี้บทสรุปมาไวไปหน่อย เพราะหาก “ไอ้นกแก้ว” ยื้อผลเสมอไปได้สักครึ่งชั่วโมง ก็น่าจะทำให้ เรอัล มาดริด กดดันกันไปเอง โดยเฉพาะ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ที่ยิงประตูไม่ได้มา 8 เกมติดต่อกัน

ทว่าพอลงไปแล้ว เรอัล มาดริด ในแท็กติกที่แปลกใหม่ คือ ใช้พวกตัวแถวสอง วิ่งแลบหลุดกับดักล้ำหนักไปเล่นบอล ซึ่งบอลจากพวก โมดริช หรือ อิสโก้ ที่จะทะลุไปก็มักจะทำได้ดีอยู่แล้ว

แล้วก็เป็นมิดฟิลด์จากโครแอต ที่จ่ายบอลจากแนวลึกอย่างแม่นยำ ให้โรนัลโด้ วิ่งไปแปบอลเล่นทาง ถือเป็นประตูแรกในซีซั่นนี้ 

และถ้ารวมกับนัดปรีซีซั่นที่ผ่านมา ก็คือประตูแรกในรอบ 8 เกม ซึ่งถือเป็นการปลดล็อกสู่ตัวตนที่แท้จริง หลังจากสองนัดแรก ได้ลงเต็มเกมทั้งหมด แต่เอาลูกไปซุกตาข่ายไม่ได้เลย

บอลจากแนวลึก ทำประโยชน์ให้ราชันชุดขาวเป็นอย่างมาก อีกครั้งที่ทะลุช่องไปให้กับเบล ที่ใช้ความเร็วเข้าถึงบอลก่อนแนวรับเอสปันญ่อล ทำให้ไม่โดนบอลเลย กลายเป็นรวบปีกชาวเวลส์แทน และโรนัลโด้ก็สังหารไม่พลาด

หลังจากนั้นก็กลายเป็นเกมของ เรอัล มาดริด ก็ไม่เชิงนะ เพราะคนที่เด่นสุดๆ ก็คือ “CR7” นี่เอง จะบอกว่าเป็นเกมของเขาคนเดียวก็ได้ เพราะ 6 ประตู กองหน้าชาวโปรตุกีส มีส่วนรวมทั้งหมด โดยเป็นผู้ยิงเองถึง 5 และ ปั้นให้ เบนเซม่า ยิงจ่อๆ อีกหนึ่ง

โดยก่อนเกม โรนัลโด้ ซัดให้กับ เรอัล มาดริด ในลีกไปถึง 225 ประตู จาก 202 เกม แต่พอผู้ตัดสินเป่าจบเกม ก็บวกเพิ่มอีก 5 กลายเป็น 230 แซงหน้าเจ้าของสถิติดาวซัลโวสูงสุดในเกมลีกของทีม อย่าง ราอูล กอนซาเลซ ที่ค้างไว้ที่ 228 ประตู ตั้งแต่ปี 2008 แล้ว

และหลังจากนั้นสองชั่วโมง เกมที่เมืองหลวงก็คิกออฟกันต่อ ซึ่งเป็นบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ ระหว่าง แอต.มาดริด กับ บาร์เซโลน่า

ที่ผิดคาดและหักปากกาสื่อทุกแขนง ก็คือ ลิโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์ประจำทีมเยือน หลุดไปนั่งสำรอง อาจจะเพราะว่าเพิ่งผ่านเกมระดับทีมชาติมา ซึ่งอาร์เจนตินาของเขาต้องไปเล่นถึงสหรัฐอเมริกา ระยะเวลาเดินทางกลับสเปนเกือบหนึ่งวันอาจทำให้เหนื่อยล้าบ้าง

และเกมที่ไม่มีเมสซี่ ก็ทำให้ “บาร์ซ่าไม่เป็นบาร์ซ่า” เพราะการเข้าทำดูจะขาดคนใดคนหนึ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจของแนวรับแอต.มาดริด

เมื่อมีเพียง หลุยส์ ซัวเรซ และ เนย์มาร์ งานของพวกเขาก็ง่ายขึ้นเยอะ โกดิน ตามซัวเรซไป ส่วนเนย์มาร์ รู้กันทั้งบางว่าต้องออกมาเล่นริมเส้น ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของ ฆวนฟราน และ โฮเซ่ กิเมเนซ ที่จะคอยเข้าและคอยซ้อนสลับ จนทำให้เล่นไม่ออกในครึ่งแรก

และช่วงต้นครึ่งหลัง ก็กลายเป็น เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่วิ่งหลุดกับดักล้ำหน้า ตอนที่ตัวประกบเผลอ เข้ายิงเล่นทาง ให้แอต.มาดริด ขึ้นนำก่อน

ทว่าการเสียประตูให้กับเจ้าบ้าน ทำให้หลุยส์ เอ็นริเก้ ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะปล่อยตัวเอกของเรื่องลงมาปิดจ๊อบ

ทว่าในช่วงวอร์มของเมสซี่ บาร์ซ่า ได้ฟรีคิก ระยะ 27 หลา บริเวณกลางประตู ซึ่งปกติเป็นเมสซี่ ที่รับผิดชอบ แต่เมื่อดาวเตะอาร์เจนไตน์ไม่อยู่ เนย์มาร์ จึงอาสาปั่นด้วยขวา บอลโค้งเสียบมุมเข้าไป ชนิดที่ โอบลัค ปัดยังไงก็ไม่ถึง

และทันทีที่ เมสซี่ ถูกเปลี่ยนตัวลงมา แฟนๆบาร์ซ่า รู้ได้ทันทีว่า เกมนี้พวกเขาจะ “คัมแบ็ก” แน่นอน


ซึ่งความเชื่อนั้นไม่เคยทำให้สาวกผิดหวัง เมสซี่ ลงมาเชื่อมเกม ทำให้ ทั้ง เนย์มาร์ และ ซัวเรซ เล่นง่ายขึ้นเยอะ และก็เป็นช่วงที่ตัวเบรกเกมอย่าง ติอาโก้ และ กาบี เฟร์นานเดซ หมดแรงพอดี

เมสซี่ ลงมาเล่นกลาง แล้วเจาะตรงที่ แอต.มาดริด กำลังหมดแรงได้ผล บอลจากเขาทั้งการตะลุย หรือการจ่ายบอล สร้างปัญหาให้กับเจ้าบ้านตลอด

จนแล้วจนรอด บอลที่เคลียร์กันไม่ดี ของทางแอตเลติโก จากการเริ่มๆ แผ่ว มาเข้าทาง ซัวเรซ พักให้ เมสซี่ วิ่งมาจิ้มบอลสวนตัวโอบลัคไปง่ายๆ สามแต้ม ที่บาร์เซโลน่าได้ในวันนี้ ก็คงต้องยกให้ เมสซี่ ที่แม้จะสตาร์ตที่ม้านั่ง แต่ก็เป็นอีกครั้งที่สร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้

เพียงแค่สัปดาห์ที่สามเท่านั้น ทั้ง โรนัลโด้ และเมสซี่ ก็เริ่มที่จะฉายความร้อนแรงกันแล้ว ทั้งคู่จะชิงดีชิงเด่นกันจนถึงนัดสุดท้ายเลยหรือไม่ ในเส้นทางยาวๆ ของฟุตบอลสเปนซีซั่นนี้

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น